ตอบคำถามต่อไปนี้
(1-3 พ.ร.บ.ภาคบังคับ, 4
พ.ร.บ.บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ)
1.เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
เหตุผลในการประกาศให้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือโดยที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดให้บิดา มารดา
หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี
โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่จะสอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประถมศึกษา เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545 อย่างไร
ก. ผู้ปกครอง ข.เด็ก ค.การศึกษาภาคบังคับ ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
“ผู้ปกครอง” หมายความว่า บิดามารดา
หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
“เด็ก” หมายความว่า
เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
“การศึกษาภาคบังคับ” หมายความว่า
การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึงชั้นปีที่เก้าของการศึกษา
ขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษอย่างไร
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดตามมาตรา 13
ผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา
6 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาตามมาตรา
6 เมื่อผู้ปกครองร้องขอ
ให้สถานศึกษามีอำนาจผ่อนผันให้เด็กเข้าเรียนก่อนหรือหลังอายุตามเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับได้ ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
4. ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา ๕
กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา ๖
ให้จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
(๑)
ระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
(๒)
ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
(๓)
ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
มาตรา ๗
การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ ให้คำนึงถึงคุณวุฒิ
ประสบการณ์ มาตรฐานวิชาชีพ ลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบ และคุณภาพของงาน
แล้วแต่กรณี
การบรรจุและการแต่งตั้งบุคคลให้ดารงตำแหน่งหน้าที่ราชการต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา ๘
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอานาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
รวมทั้งให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาอันเกี่ยวกับการปฏิบัติการ
อำนาจหน้าที่ของผู้ดารงตำแหน่งหรือหน่วยงานต่าง ๆ
ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
ส่วนที่ ๑ บททั่วไป
มาตรา ๙
ให้จัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง ดังนี้
(๑) สานักงานปลัดกระทรวง
(๒)
ส่วนราชการที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา ๑๐
การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
โดยให้มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
(๑) สานักงานรัฐมนตรี
(๒) สานักงานปลัดกระทรวง
(๓) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
(๔)
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(๕) สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(๖) สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ส่วนราชการตาม (๒) (๓) (๔) (๕) และ
(๖) มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
มาตรา ๑๑ การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการตามมาตรา
๑๐ ให้ออกเป็นกฎกระทรวงและให้ระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในกฎ
กระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว
มาตรา ๑๒
กระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและกำหนดนโยบาย
เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในกระทรวงศึกษาธิการ
ให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา
หรือที่คณะรัฐมนตรีกำหนดหรืออนุมัติ
โดยจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการก็ได้
ในกรณีที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
การสั่งหรือการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
มาตรา ๑๓ ในกรณีที่สภาการศึกษา
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
เสนอความเห็นหรือคาแนะนาต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนาความเห็นหรือคาแนะนามาประกอบการพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมกับการศึกษาของชาติ
มาตรา ๑๔ ให้มีสภาการศึกษา มีหน้าที่
(๑)
พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม
และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ
(๒) พิจารณาเสนอนโยบาย แผน
และมาตรฐานการศึกษาเพื่อดาเนินการให้เป็นไปตามแผนตาม (๑)
(๓)
พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
(๔)
ดาเนินการประเมินผลการจัดการศึกษาตาม (๑)
(๕) ให้ความเห็นหรือคาแนะนาในเรื่องกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการศึกษา
การเสนอนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติ
และมาตรฐานการศึกษา ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
นอกจากหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้สภาการศึกษามีหน้าที่ให้ความเห็นหรือคาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี
และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด
หรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
ให้คณะกรรมการสภาการศึกษา
ประกอบด้วยรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
พระภิกษุซึ่งเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีจานวนไม่น้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกัน
จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์
และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดารงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาทาหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของสภาการศึกษา
และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑
โดยมีเลขาธิการสภาการศึกษาทาหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการของสภาการศึกษา
มาตรา ๑๕
ให้มีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐาน
และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์
และประกาศที่เกี่ยวกับการบริหารงานของสานักงาน
นอกจากหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่ให้ความเห็นหรือให้คาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี
และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีจานวนไม่น้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกัน
จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์
และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดารงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทาหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑
โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทาหน้าที่เป็นกรรมการและ
เลขานุการของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา ๑๖ ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษา
มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา
และมาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยคำนึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษาระดับปริญญา
ตามกฎหมายว่าด้วย
การจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์
และประกาศที่เกี่ยวกับการบริหารงานของสานักงาน
นอกจากหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้คณะกรรมการการอุดมศึกษามีหน้าที่ให้ความเห็นหรือให้คาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี
และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
ตลอดทั้งให้มีอำนาจเสนอแนะและให้ความเห็นในการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่สถานศึกษาระดับปริญญา
ทั้งที่เป็นสถานศึกษาในสังกัดและสถานศึกษาในกากับแก่คณะรัฐมนตรี
ให้คณะกรรมการการอุดมศึกษาประกอบด้วย
กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ซึ่งมีจานวนไม่น้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกัน
จำนวนกรรมการ
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดารงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ทาหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑
โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาทาหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
มาตรา ๑๗
ให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนามาตรฐาน
และหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับ
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติ
การส่งเสริมประสานงานการจัดการอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน การสนับสนุนทรัพยากร
การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา
โดยคำนึงถึงคุณภาพและความเป็นเลิศทางวิชาชีพ และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์
และประกาศที่เกี่ยวกับการบริหารงานของสานักงาน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณานโยบาย
แผนพัฒนา และมาตรฐานการอาชีวศึกษาระดับปริญญา
ให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนา
และเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษาของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
นอกจากหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษามีหน้าที่ให้ความเห็นหรือให้คาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี
และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
ให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีจานวนไม่น้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกัน
จำนวนกรรมการ
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดารงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการ
ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ทาหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑
โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทาหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
มาตรา ๒๑
ให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษา
สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา
รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หลักเกณฑ์
และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ส่วนที่ ๒ การจัดระเบียบราชการในสานักงานปลัดกระทรวง
มาตรา ๒๔
สานักงานปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) ดาเนินการเกี่ยวกับราชการประจาทั่วไปของกระทรวงและราชการที่คณะรัฐมนตรีมิ
ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของสานักงานใดสานักงานหนึ่งในสังกัดกระทรวงโดยเฉพาะ
(๒) ประสานงานต่าง ๆ
ในกระทรวง และดาเนินงานต่าง ๆ
ที่มีลักษณะเป็นงานที่ต้องปฏิบัติตามสายงานการบังคับบัญชาอันเป็นอำนาจ
หน้าที่ซึ่งจะต้องมีการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือกำหนดในกฎหมายอื่น
(๓)
จัดทางบประมาณและแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง เร่งรัด
ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการในกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง
และแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง
(๔)
ดาเนินการเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติที่มิได้อยู่ในอำนาจของส่วนราชการอื่น
(๕)
ดาเนินการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการ
มาตรา ๒๗
ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการ
ศึกษาตามอัธยาศัยในสานักงานปลัดกระทรวงทาหน้าที่เป็นองค์กรให้คาปรึกษา
และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง
หรือประกาศกระทรวงว่าด้วยการดังกล่าว ทั้งนี้ จานวน หลักเกณฑ์
และวิธีการได้มาของคณะกรรมการดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๒
การจัดระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา ๓๓2[๒]
การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษาโดยคำนึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จานวนสถานศึกษา จานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่นด้วย
เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษา
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคาแนะนาของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศใน
ราช
กิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษาขั้น
พื้นฐานแบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยม ศึกษา
ใน
กรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยม
ศึกษาการกำหนดให้สถานศึกษาแห่งนั้นอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาใด
ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษานั้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้
ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ใน
กรณีที่มีความจาเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาหรือมีเหตุผลความจาเป็น
อย่างอื่นตามสภาพการจัดการศึกษาบางประเภท
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอาจประกาศกำหนดให้ขยายการบริการการศึกษาขั้น
พื้นฐานของเขตพื้นที่การศึกษาหนึ่งไปในเขตพื้นที่การศึกษาอื่นได้
มาตรา ๓๔
ให้จัดระเบียบบริหารราชการของเขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้
(๑)
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๒)
สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
การแบ่งส่วนราชการภายในตาม (๑)
ให้จัดทาเป็นประกาศกระทรวงและให้ระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในประกาศกระทรวง
ทั้งนี้ โดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การ แบ่งส่วนราชการภายในตาม (๒)
และอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษาหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้เป็นไป
ตามระเบียบที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
การแบ่งส่วนราชการตามวรรคสองและวรรคสามให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๕
สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา ๓๔ (๒) เฉพาะที่เป็นโรงเรียน
มีฐานะเป็นนิติบุคคล
เมื่อมีการยุบเลิกสถานศึกษาตามวรรคหนึ่ง
ให้ความเป็นนิติบุคคลสิ้นสุดลง
มาตรา ๓๖ ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา
ให้มีคณะกรรมการและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการกากับดูแล
จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา ประสาน
ส่งเสริม และสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา
ประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา
ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน
องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการ
และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา
และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ที่ระบุไว้ข้างต้น ทั้งนี้
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประกอบด้วย
ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองและครู และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์
วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตำแหน่ง
และการพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้
ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะ กรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ในการดาเนินการตามวรรคหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษาใด
ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนดโดยคาแนะนาของ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน3[๓]
มาตรา ๓๗
ให้มีสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
เพื่อทาหน้าที่ในการดาเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา
๓๖ และให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา
ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น และมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑)
อำนาจหน้าที่ในการบริหารและการจัดการศึกษา
และพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(๒)
อำนาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
(๓)
รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๔)
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด
สา นักงานตามวรรคหนึ่ง
มีผู้อานวยการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ
ของสานักงานให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง
ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้อานวยการไว้เป็นการเฉพาะการ
ใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้าที่
ตามกฎหมายดังกล่าวให้คำนึงถึงนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกำหนดหรืออนุมัติแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวงด้วย
ในสานักงานตามวรรคหนึ่งจะให้มีรองผู้อานวยการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการรองจากผู้อานวยการเพื่อช่วยปฏิบัติราชการก็ได้
รองผู้อานวยการหรือผู้ดารงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสานักงาน
มีอำนาจหน้าที่ตามที่ผู้อานวยการกำหนดหรือมอบหมาย
มาตรา ๓๙ สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา
๓๔ (๒) มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้น ๆ
โดยให้มีผู้อานวยการสถานศึกษา
หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและมีอำนาจหน้าที่
ดังนี้
(๑)
บริหารกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับของทางราชการและของสถานศึกษาหรือส่วนราชการ
รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษาหรือส่วนราชการ
(๒)
ประสานการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา รวมทั้งควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ
สถานที่ และทรัพย์สินอื่นของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และข้อบังคับของทางราชการ
(๓)
เป็นผู้แทนของสถานศึกษาหรือส่วนราชการในกิจการทั่วไป
รวมทั้งการจัดทานิติกรรมสัญญาในราชการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการตามวงเงิน
งบประมาณที่สถานศึกษาหรือส่วนราชการได้รับตามที่ได้รับมอบอานาจ
(๔)
จัดทารายงานประจาปีเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
(๕)
อำนาจหน้าที่ในการอนุมัติประกาศนียบัตรและวุฒิบัตรของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
(๖)
ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง
เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
รวมทั้งงานอื่นที่กระทรวงมอบหมาย
สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔
(๒)
จะให้มีรองผู้อานวยการหรือรองหัวหน้าส่วนราชการรองจากผู้อานวยการหรือหัวหน้าส่วนราชการเพื่อช่วยปฏิบัติราชการก็ได้
สถาน ศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔ (๒)
ใดที่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานบางประการตามที่กำหนดในกฎหมายหรือที่ได้รับมอบ หมายได้
อาจขอให้สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่สถานศึกษาหรือส่วนราชการนั้นสังกัด
เป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติงานเฉพาะอย่างให้แทนเป็นการชั่วคราวได้ ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และลักษณะของงานที่จะให้ปฏิบัติแทนได้ที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๔
การปฏิบัติราชการแทน
มาตรา ๔๔ ให้ปลัดกระทรวง
เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระจาย
อำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาทั้งด้านวิชาการ
งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไป ไปยังคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
และสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาโดยตรง
ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไว้เป็นการเฉพาะ
ให้ผู้ดารงตำแหน่งดังกล่าวมอบอำนาจให้แก่ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือผู้อานวยการสถานศึกษา
แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเป็นอิสระและการบริหารงานที่คล่องตัวในการจัดการศึกษาของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา
ภายใต้หลักการบริหารงานการศึกษา ดังต่อไปนี้
(๑)
อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับงบประมาณและการดาเนินการ
ทางงบประมาณของผู้อานวยการสถานศึกษาหรือผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การ ศึกษา
รวมตลอดถึงหลักการการให้สถานศึกษาหรือสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจทา
นิติกรรมสัญญาในวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติแล้ว
(๒)
หลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบ การพัฒนา
และดาเนินการทางวินัยกับครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยสัมพันธ์กับแนวทางที่
กำหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
การกระจายอำนาจและการมอบอำนาจตามวรรคหนึ่ง
ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ปลัด กระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
อาจกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดมอบอำนาจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ
ที่ตนรับผิดชอบไปยังผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้อานวยการ
สถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรงก็ได้ ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ผู้ดารงตำแหน่งในการบังคับบัญชาส่วนราชการดังกล่าว
เป็นผู้กำหนด
ผู้อานวยการสานักบริหารงานในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวง
และผู้อานวยการสานักบริหารงานในสังกัดสานักงานคณะกรรมการต่าง ๆ
อาจมอบอำนาจในส่วนที่เกี่ยวกับภารกิจที่ตนรับผิดชอบ
หรือที่ได้รับมอบหมายตามระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จากสานักงานคณะกรรมการต่าง ๆ
ไปยังผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อานวยการสถานศึกษา
หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าผู้อานวยการสถานศึกษาโดยตรงได้
ทั้งนี้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อนโยบายหรือการสั่งการของกระทรวง
หรือคณะกรรมการต้นสังกัด
มาตรา ๔๕ อำนาจในการสั่ง การอนุญาต
การอนุมัติ
การปฏิบัติราชการหรือการดาเนินการอื่นที่ผู้ดารงตำแหน่งใดในพระราชบัญญัตินี้จะพึงปฏิบัติหรือดาเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาสั่งใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาสั่งนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น
มิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอำนาจไว้
ผู้ดารงตำแหน่งนั้นอาจมอบอำนาจให้ผู้ดารงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้
โดยคำนึงถึงความเป็นอิสระ การบริหารงานที่คล่องตัวในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาและของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่บัญญัติในมาตรา
๔๔ (๑) และ (๒) ดังต่อไปนี้
(๑)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ปลัดกระทรวง เลขาธิการ
หรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดารงตำแหน่งเทียบเท่าอธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด
หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๒)
ปลัดกระทรวงอาจมอบอำนาจให้รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ
อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด หรือผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือผู้อานวยการสถานศึกษา หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๓)
เลขาธิการอาจมอบอำนาจให้รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ
อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด ผู้อานวยการสานัก
ผู้อานวยการสานักบริหารงานหรือผู้ดารงตำแหน่งเทียบเท่า
ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือผู้อานวยการสถานศึกษาหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(๔) ผู้อานวยการสานัก
ผู้อานวยการสานักบริหารงาน
หรือผู้ดารงตำแหน่งเทียบเท่าอาจมอบอำนาจให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ผู้อานวยการสถานศึกษา หรือผู้ดารงตำแหน่งเทียบเท่า
(๕)
ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือผู้ดารงตำแหน่งเทียบเท่า
อาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือผู้อานวยการสถานศึกษาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นในเขต
พื้นที่การศึกษาที่ตนรับผิดชอบได้ตามระเบียบที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐานกำหนด
(๖)
ผู้อานวยการสถานศึกษาหรือผู้ดารงตำแหน่งเทียบเท่า
อาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในสถานศึกษาหรือในหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นได้
ตามระเบียบที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
(๗) ผู้ดารงตำแหน่ง (๑)
ถึง (๖) อาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นได้ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
การมอบอำนาจตามมาตรานี้ให้ทาเป็นหนังสือ
คณะรัฐมนตรีอาจกำหนดให้มีการมอบอำนาจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ตลอดจนการมอบอำนาจให้ทานิติกรรม ฟ้องคดี
หรือดาเนินคดีแทนกระทรวงหรือส่วนราชการตามมาตรา ๑๐ หรือกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
หรือเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้ผู้มอบอำนาจหรือผู้รับมอบอำนาจตามวรรคหนึ่งต้องปฏิบัติก็ได้
มาตรา ๔๖ เมื่อมีการมอบอำนาจตามมาตรา
๔๕ โดยชอบแล้ว ผู้รับมอบอำนาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้น
และจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ผู้ดารงตำแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้ เว้นแต่กรณีการมอบอำนาจให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรา
๔๕ (๑) (๒) หรือ (๓) ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบอำนาจนั้นต่อไป
ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินก็ได้
ใน
การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดตามวรรคหนึ่งให้แก่รองผู้ว่าราชการ จังหวัด
หรือผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้ผู้มอบอำนาจชั้นต้นทราบ
ส่วนการมอบอำนาจให้แก่บุคคลอื่น
นอกจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดจะกระทาได้ต่อ
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้มอบอำนาจชั้นต้นแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น